Kostenlos

วั๊นซ์ กอน

Text
Als gelesen kennzeichnen
Schriftart:Kleiner AaGrößer Aa

บทที่ 30

ไรล์ลี่ใกล้จะถึงแมคโนเลียการ์เด้นท์คันทรี่ย์คลับแต่โดนขวางไว้ที่ป้อมสีขาวเล็กตรงหน้าประตูทางเข้า ไม้กั้นลายทางสีขาวเขียวขวางหน้ารถเธอไว้ และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในชุดเครื่องแบบถือแฟ้มเดินออกมาจากป้อมตรงมาทางด้านที่เธอนั่ง

เธอลดกระจกลง

“ชื่อ” เจ้าหน้าที่ถามห้วนๆ

ไรล์ลี่ไม่รู้เรื่องกฎระเบียบก่อนเข้าสถานที่ แต่นิวโบรบอกไว้ว่าจะแจ้งพวกเขาว่าเธอจะมา

“ดิฉันชื่อ ไรล์ลี่ เพจ” เธอตอบ ด้วยเสียงตะกุกตะกักเธอพูดต่อว่า “ฉัน เอ่อ คือฉันเป็นแขกของท่านวุฒิสมาชิกนิวโบร”

เจ้าหน้าที่ไล่ดูจากรายชื่อแล้วพยักหน้า

“เข้าไปได้” เขาบอก

ไม้กั้นประตูหน้าเลื่อนขึ้นให้ไรล์ลี่ขับผ่านเข้าไป

ทางเข้ารายล้อมไปด้วยสวนดอกแมคโนเลียสมชื่อ ดูหรูหราโอ่อ่า สีสันสวยงามและมีกลิ่นหอมตามฤดู เธอขับเข้ามาจอดตรงหน้าอาคารอิฐมอญผนังสีขาว ไม่เหมือนกับที่งานศพที่เธอเพิ่งไปมา ผนังพวกนี้เป็นของจริง ไรล์ลี่มองไปรอบๆ รู้สึกเหมือนเธอกำลังอยูในสวนแดนใต้ของยุคศตวรรษที่สิบเก้า

พนักงานจอดรถรีบเดินดิ่งมาที่รถ ยื่นการ์ดให้หนึ่งใบและรับกุญแจรถจากเธอ แล้วขับออกไปจอดรถให้

เธอยืนอยู่ลำพังตรงหน้าประตูสูงตระหง่าน รู้สึกแปลกถิ่นเหมือนที่เคยรู้สึกเมื่อตอนไปคฤหาสน์ของวุฒิสมาชิก เธออยู่ในชุดกางเกงยีนส์กับเสื้อลำลองธรรมดา กำลังคิดว่าพวกเจ้าหน้าที่จะอนุญาตให้เธอผ่านเข้าไปไหม ไม่ใช่ว่ามันต้องมีโค้ดการแต่งตัวในสถานที่แบบนี้หรอกหรือ ยังดีที่เสื้อแจ็คเกตที่เธอสวมมันคลุมไหล่ปกปิดไหปลาร้า

พนักงานเปิดประตูในชุดเครื่องแบบเดินออกมาต้อนรับ

“คุณผู้หญิงชื่ออะไรครับ” เขาถาม

“ไรล์ลี่ เพจ” เธอตอบ สงสัยว่าเขาจะขอดูบัตรประชาชนหรือไม่

พนักงานเหลือบมองในลิสรายชื่อในมือ “เชิญทางนี้ครับ คุณผู้หญิง” เขาเชื้อเชิญให้เข้าไป

เขาเดินพาเธอมาด้านใน เดินลงไปตามระเบียงยาวเพื่อเข้าสู่ห้องรับประทานอาหารเล็กๆเป็นส่วนตัว เธอไม่รู้ว่าสมควรจะต้องทิปพนักงานคนนี้หรือไม่ และเธอเองก็ไม่รู้ว่าเขาได้เรทเงินเดือนอยู่เท่าไหร่ เขาอาจจะได้มากกว่าอาชีพเจ้าหน้าที่พิเศษเอฟบีไอของเธอก็ได้ เธอสรุปว่าการให้ทิปมันน่าจะดูเสร่อมากกว่าการไม่ให้เลย บอกตัวเองว่าอย่าหาเรื่องขายขี้หน้าเลยจะดีกว่า

“ขอบคุณ” เธอหันไปบอกพนักงาน

เขาพยักหน้า ไม่ได้ดูผิดหวังอะไร และเดินกลับออกไปทางเดิม

ห้องตรงหน้าแม้จะเล็กแต่เป็นห้องกินข้าวที่หรูที่สุดที่เธอเคยย่างกรายเข้าไป ทั้งห้องไม่มีหน้าต่าง มีเพียงภาพวาดสีน้ำมันของสวนดอกแมคโนเลียที่เธอเห็นด้านนอกแขวนไว้ที่ผนังเพียงภาพเดียว โต๊ะเดี่ยวถูกจัดวางไว้อย่างมีระดับด้วยเครื่องเงิน เครื่องแก้ว และผ้าลินิน เธอเดินไปนั่งบนเก้าอี้ที่หันหน้าออกทางประตูเพื่อจะได้เห็นเวลาวุฒิสมาชิกมาถึง

ถ้าเขามานะ เธอคิดในใจ เธอไม่มีเหตุผลอะไรจะคิดว่าเขาจะไม่มาหรอก แต่ทั้งหมดนี้มันดูเหมือนความฝันจนไม่รู้ว่าควรคาดหวังหรือไม่

พนักงานเสิร์ฟในชุดสูทสีขาวเดินเข้ามาวางถาดชีสและคุ้กกี้ต่างๆลงบนโต๊ะ

“ต้องการจะดื่มอะไรมั้ยครับ คุณผู้หญิง” เขาถามอย่างสุภาพ

“น้ำเปล่าก็พอ ขอบคุณค่ะ” ไรล์ลี่ตอบ พนักงานจึงเดินออกไปและกลับมาพร้อมกับเหยือกน้ำคริสตัลกับแก้วคริสตัลสองใบ เขาเทน้ำลงในแก้วใบหนึ่งให้เธอ และวางเหยือกคริสตัลกับแก้วอีกใบไว้บนโต๊ะ

ไรล์ลี่จิบน้ำไปในใจก็ยอมรับว่าพึงใจกับแก้วสุดหรูในมือ เธอรอเพียงแค่ครู่เดียวเท่านั้น เพียงไม่นานวุฒิสมาชิกก็มาถึง

หน้าตาเย็นชาไม่รับแขกเหมือนเดิม เขาปิดประตูและเดินมานั่งตรงข้ามกับเธอ

“ดีใจที่คุณมานะเจ้าหน้าที่เพจ” เขากล่าว “ผมเอาอะไรมาให้คุณด้วย”

โดยไม่มีพิธีรีตองอะไร นิวโบรก็หยิบสมุดโน๊ตเล่มหนาที่มีสายรัดหนังมาวางลงบนโต๊ะ ไรล์ลี่มองอย่างเหนื่อยใจ เธอจำได้ว่าเขาเคยเอาลิสรายชื่อศัตรูมาให้เธอในครั้งแรกที่พบกัน อย่าบอกว่านี่เป็นอะไรคล้ายๆวันนั้นนะ

“อะไรคะ” เธอถาม

“ไดอารี่ของลูกสาวผม” นิวโบรบอก “ผมเก็บมันมาจากบ้านลูกหลังจากที่ตำรวจพบ…ศพ ผมเก็บมันมาเพราะไม่อยากให้ใครมาเห็น บอกไว้ก่อน ผมไม่รู้ว่าข้างในมีอะไร ผมยังไม่เคยเปิดอ่าน แต่พอจะแน่ใจว่าคงจะต้องมีอะไรที่ผมไม่อยากให้คนภายนอกรับรู้แน่”

ไรล์ลี่อึ้ง พูดไม่ออก เธอคิดไม่ออกว่าทำไมเขาถึงมีความคิดจะให้สิ่งนี้กับเธอ เห็นชัดเจนว่าเขากำลังชั่งน้ำหนักอย่างรอบคอบในสมองกับสิ่งที่กำลังจะพูดต่อไป ตั้งแต่ครั้งแรกที่เธอเจอเขา เธอก็แน่ใจมาตั้งแต่ต้นว่าเขามีอะไรปิดบังไว้อยู่ ในตัวเธอคันยิบๆด้วยความอยากรู้ว่าเขากำลังจะบอกอะไรกับเธอ

ในที่สุดเขาก็พูดออกมา “ลูกสาวผมมีปัญหาเรื่องยาในช่วงปีก่อนจะเสีย ทั้งโคเคน เฮโรอีน ทั้งยาอี ยาแรงๆทั้งนั้น ก็เป็นเพราะปัญหากับสามีนั่นแหละ แล้วก็เป็นหนึ่งในเหตุผลของชีวิตคู่ที่ล้มเหลวด้วย ทั้งผมกับแม่ของเธอหวังให้เธอเลิกยาได้ช่วงที่เธอเสีย”

วุฒิสมาชิกหยุดพูด จ้องมองไดอารี่เล่มนั้น

“ทีแรกผมคิดว่าการตายของเธอมันเกี่ยวข้องกับเรื่องยา” เขาบอก “ทั้งพวกค้าพวกเสพในวงจรของเธอมันเป็นพวกสถุน ผมไม่อยากให้เรื่องมันหลุดออกไป ผมคิดว่าคุณน่าจะเข้าใจ”

ไรล์ลี่ไม่แน่ใจนักว่าเธอเข้าใจ แต่ที่แน่ๆคือเธอประหลาดใจ

“เรื่องยาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวพันกับการฆาตกรรมของลูกสาวท่าน” เธอเอ่ย

“ตอนนี้ผมรู้แล้ว” นิวโบรรับ “มีผู้หญิงอีกคนถูกพบศพใช่มั้ย และคงจะมีเหยื่ออีกหลายรายตามมา ดูเหมือนผมจะคิดผิดว่ามันเป็นเรื่องภายในครอบครัว”

ไรล์ลี่ถึงกับอึ้งคาดไม่ถึง จะบ่อยซักแค่ไหนที่คนอีโก้สูงลิบอย่างเขาจะยอมรับว่าคิดอะไรผิด

เขาเอามือลูบไดอารี่ก่อนบอกไรล์ลี่

“คุณเอาไปด้วย อาจจะมีข้อมูลอะไรที่ช่วยสืบคดีของคุณได้”

“มันไม่ใช่คดี ของฉัน แล้วค่ะ ท่านวุฒิสมาชิก” ไรล์ลี่ตอบ ตั้งใจให้เขาได้ยินความขมขื่นในน้ำเสียง “ดิฉันว่าท่านน่าจะทราบดีว่าดิฉันถูกปลดออกจากองค์กรแล้ว”

“อ้อ จริงสิ” เขานึกได้ เอียงศีรษะอย่างใช้ความคิด “น่ากลัวจะเป็นความผิดของผมเอง เอางี้ ไม่ใช่อะไรที่ผมแก้ไม่ได้หรอก เดี๋ยวคุณจะได้รับเรียกกลับมาปฏิบัติหน้าที่ใหม่ ขอเวลาผมหน่อย ในระหว่างนี้ผมหวังว่าคุณจะใช้ประโยชน์จากมันได้”

ไรล์ลี่นั้นตื้นตันกับสิ่งที่เขาทำให้ เธอหายใจเข้าลึก

“ท่านวุฒิสมาชิก ดิฉันคิดว่าติดค้างคำขอโทษกับท่าน ดิฉัน – ดิฉันไม่ได้อยู่ในสภาวะที่ดีที่สุดเมื่อครั้งสุดท้ายที่เราพบกัน ดิฉันเพิ่งกลับจากงานศพของเพื่อนและกำลังขาดสติ เลยพูดสิ่งที่ไม่ควรพูดออกไป”

นิวโบรพยักหน้ารับคำขอโทษนั้นเงียบๆ เห็นได้ชัดอยู่แล้วว่าเขาไม่มีเจตนาจะขอโทษเธอแม้ว่าเธอจะรู้ว่าสมควรได้รับมันขนาดไหน เธอควรต้องพอใจกับการยอมรับว่าตัวเองผิดของเขา อย่างน้อยเขาก็พยายามจะแก้ไขสิ่งที่ผิดพลาด และไม่ว่ายังไง นั่นดูเป็นสิ่งสำคัญมากกว่าคำขอโทษ

ไรล์ลี่หยิบไดอารี่ขึ้นมาโดยยังไม่เปิดอ่าน

“มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ดิฉันอยากจะทราบค่ะท่านวุฒิสมาชิก” เธอเปิดประเด็น “ท่านเอาสิ่งนี้มาให้ดิฉันทำไม ทำไมไม่ให้เจ้าหน้าที่ วาล์วเดอร์”

ปากของเขาบิดขึ้นมาเป็นรอยยิ้มน้อยๆ

“เพราะมีอยู่อย่างนึงที่ผมได้เรียนรู้เกี่ยวกับคุณ เจ้าหน้าที่เพจ” เขาบอก “คุณไม่ใช่สมุนของใคร”

ไรล์ลี่พูดอะไรไม่ออกกับการให้เกียรติกะทันหันจากชายที่เธอเคยว่าเขาคิดถึงแต่ตัวเอง

“ตอนนี้คุณก็น่าจะหิวแล้วมั้ง” วุฒิสมาชิกพูดต่อเรียบๆ

ไรล์ลี่คิดย้อนหลายตลบ ถึงเธอจะรู้สึกขอบคุณสำหรับความรู้สึกที่เปลี่ยนไปของนิวโบร แต่เธอก็ยังรู้สึกอึดอัดไม่สบายเวลาอยู่รอบๆตัวเขาอยู่ดี เขายังเย็นชา บึ้งตึง และไม่รับแขกอยู่เช่นเดิม ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้เธอมีงานต้องทำ

“หากท่านจะไม่ว่าอะไร ดิฉันอยากจะขอตัว” เธอกล่าว พยักหน้าไปที่ไดอารี่ พร้อมเสริมว่า “ดิฉันต้องหาวิธีใช้ประโยชน์จากมันเลยเดี๋ยวนี้ เสียเวลาไม่ได้อีกแล้ว อ้อ – และดิฉันสัญญาจะไม่ให้สิ่งที่อยู่ในไดอารี่เล่มนี้ออกสู่สาธารณชนอย่างแน่นอน”

“ขอบคุณมาก” เขาตอบ

เขาลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่างสุภาพเพื่อส่งเธอขณะที่เธอเดินออกจากห้อง เธอเดินออกจากตัวอาคารและส่งการ์ดให้พนักงานรับรถ ขณะกำลังรอพนักงานขับรถมาส่งให้ ก็เปิดไดอารี่ออกอ่าน

เธอเปิดพลิกไปพลิกมาหลายหน้าและเห็นทันทีว่า รีบ้า ฟราย มีเขียนเกี่ยวกับปัญหาการใช้ยาของเธอนิดหน่อย จากที่อ่านผ่านตาเธอก็พอสรุปได้ว่า หญิงสาวนั้นเป็นคนเอาแต่ใจตัวเองพอดู ทั้งจุกจิกกับสิ่งที่เธอเกลียดและไม่ชอบ แต่อย่างว่า นั่นไม่ใช่จุดประสงค์ของการเขียนไดอารี่หรอกเหรอ มันเป็นที่ซึ่งตัวเราสามารถจะระบายอะไรและเอาแต่ใจอย่างไรก็ได้

มากไปกว่านั้น เธอคิด แม้หากว่ารีบ้าจะเป็นคนหลงตัวเองพอๆกับพ่อของเธอก็ตาม แต่เธอก็ไม่สมควรต้องมารับชะตากรรมอันโหดร้ายแบบนี้อยู่ดี ไรล์ลี่รู้สึกเย็บวาบเมื่อนึกถึงภาพถ่ายสภาพศพของเธอ

เธอเปิดผ่านไปหน้าแล้วหน้าเล่า รถเข้ามาจอดเทียบตรงบริเวณพื้นกรวดทางรอรถ แต่เธอก็ไม่ได้สนใจจะรับรถ ยังคงหมกมุ่นอยู่กับสิ่งที่อ่าน เธอยืนอ่านด้วยมืออันสั่นเทาอยู่ตรงนั้น อ่านไปจนถึงหน้าสุดท้ายอย่างอยากรู้ว่าจะมีส่วนใดกล่าวถึงฆาตกร หรือเกี่ยวกับฆาตกร หรืออะไรก็ได้ แต่แล้วก็เหมือนโลกถล่มทลายลงมาเพราะมันไม่มีกล่าวถึงเลย

ไรล์ลี่ค่อยๆลดหนังสือลง รู้สึกผิดหวัง เธอทนไม่ไหวแล้วกับทางตันซ้ำๆ

และเพียงแค่นั้นที่เธอลดหนังสือลง กระดาษแผ่นเล็กๆที่คั่นอยู่ระหว่างหนังสือสองหน้าก็ทำท่าจะหล่นออกจากหนังสือ เธอรับมันได้ทันและอ่านอย่างอยากรู้

ขณะกำลังตรวจสอบกระดาษแผ่นนั้น ใจเธอเต้นโครมครามราวกับจะกระเด็นออกมาข้างนอก

ช็อคเกินจะบรรยาย เธอปล่อยไดอารี่ร่วงหล่นสู่พื้น

เธอกำลังถือใบเสร็จ

ใบเสร็จของร้านขายตุ๊กตา

บทที่ 31

เจอแล้ว หลังจากเจอแต่ทางตันซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไรล์ลี่แทบไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เธอถืออยู่ในมือ ด้านบนของใบเสร็จเงินสดที่เขียนด้วยลายมือนั้นคือชื่อและที่อยู่ของร้าน: แมเดอลีนส์ แฟชั่นส์ ในเมืองเชลลี่ฟอร์ด รัฐเวอร์จิเนีย

เธองงและสับสน ชื่อมันฟังดูไม่เหมือนร้านขายตุ๊กตาหรือของเล่นเลย

เธอใช้มือถือของเธอค้นหาเว็บไซต์ของร้าน แมเดอลีนส์ แฟชั่นส์ น่าแปลก ที่มันเป็นร้านขายเสื้อผ้าสตรี

แต่เธอเพ่งมองอีกครั้งและเห็นว่าในร้านมีขายพวกของเล่นสะสมด้วย ซึ่งจะต้องนัดก่อนจึงจะดูสินค้าได้

ไรล์ลี่เสียวสันหลังวาบ

ที่นี่ต้องใช่แน่ๆ เธอคิดในใจ

ก้มลงไปเก็บไดอารี่ที่พื้นขึ้นมาด้วยมือสั่นระริก เปิดหาข้อความที่รีบ้าเขียนไว้ตามวันที่บนใบเสร็จ แล้วเธอก็เจอ ข้อความนั้น:

เพิ่งเข้าไปซื้อตุ๊กตาที่เหมาะเจาะให้เด็บบี้ วันเกิดเหลือเวลาไม่ถึงเดือนแล้ว แต่เธอหาซื้อของให้ยากจัง

นั่นไง เขียนเป็นภาษาอังกฤษตัวโต้งๆ รีบ้า ฟราย เข้าไปซื้อตุ๊กตาให้ลูกสาวของเธอที่ร้านในเชลลี่ฟอร์ด ไรล์ลี่มั่นใจว่าเหยื่อรายอื่นๆก็ซื้อตุ๊กตามาจากร้านนี้เหมือนกัน และนั่นเป็นที่ที่ฆาตกรเห็นพวกเธอเป็นครั้งแรก

ไรล์ลี่ดึงแผนที่ขึ้นมาบนหน้าจอมือถือ เชลลี่ฟอร์ดมันต้องขับรถประมาณหนึ่งชั่วโมงจากที่นี่ เธอต้องไปถึงที่นั่นให้เร็วที่สุด ใครจะไปรู้ ฆาตกรอาจจะเห็นเหยื่อรายต่อไปแล้วก็ได้

แต่เธอก็จำเป็นต้องหาข้อมูลและจำเป็นต้องยกหูโทรศัพท์เพื่อโทรหาคนที่เธอยังไม่พร้อมจะคุยด้วย

เธอคว้ากุญแจจากพนักงานรับรถที่ยืนทำหน้าฉงน กระโดดขึ้นรถแล้วเหยียบคันเร่งเกือบมิด ล้อรถครูดบนทางเดินรถแสนสวยเป็นรอยยาว ขณะที่เธอเร่งเครื่องผ่านประตูหน้านั้น เธอกดเบอร์ของบิลเพื่อโทรออก ไม่มั่นใจว่าเขาจะรับสาย เธอไม่โทษเขาหรอกหากเขาจะไม่อยากเสวนากับเธออีกแล้ว

 

แล้วเธอก็ต้องโล่งอก เมื่อบิลขานรับมาจากปลายสาย

“ฮัลโหล” เขาทักทาย

ใจเธอเต้นแรง ไม่รู้ควรจะโล่งใจหรือหวั่นใจที่ได้ยินเสียงเขา

“บิล นี่ไรล์ลี่นะ” เธอทักตอบ

“ผมรู้ว่าคุณเป็นใคร” บิลตอบ

สองสายโทรศัพท์เงียบทั้งคู่ เรื่องนี้มันไม่น่าจะง่าย และเธอเองรู้ดีว่าเธอไม่สมควรได้รับการยกโทษง่ายๆ

“บิล ฉันไม่รู้จะเริ่มยังไงดี” เธอเปิดเรื่อง ลำคอตีบตันเต็มไปด้วยอารมณ์ล้นเอ่อ มันไม่ง่ายเลยที่จะอ้าปากพูด “ฉัน ขอโทษจริงๆ ขอโทษจากใจ มันแค่ – อืม ทุกอย่างมันผิดพลาดไปหมด และฉันก็ขาดสติ และ – ”

“และคุณก็เมา” บิลพูดขัดจังหวะ

ไรล์ลี่ถอนใจอย่างหมดปัญญา

“ใช่ ฉันเมา” เธอตอบ “และฉันขอโทษ หวังว่าคุณจะยกโทษให้ ฉันขอโทษจริงๆ”

เงียบกันไปอีก

“โอเค” บิลเอ่ยในที่สุด

ไรล์ลี่ใจหล่นวูบ เธอรู้จักบิลดีกว่าใครในโลก เพราะฉะนั้นแล้วเธอถึงรู้ว่าในคำพูดห้วนๆสองพยางค์นั้นของเขามันมีความหมายมากมาย เขาไม่ได้ยกโทษให้เธอ และก็ไม่ได้ยอมรับการขอโทษของเธอด้วย – อย่างน้อยก็ไม่ใช่ในตอนนี้ สิ่งที่เขาหมายถึงคือแสดงให้เธอเห็นว่าเขารับรู้ว่าเธอ ได้ ขอโทษเขาแล้ว

ยังไงก็ตาม เวลานี้ไม่ใช่เวลามาสะสางปัญหาส่วนตัว มีเรื่องสำคัญมากกว่านี้รอให้เธอไปสะสางอยู่

“บิล ฉันได้หลักฐานเพิ่มเติมแล้ว” เธอบอก

“ว่าไงนะ” เขาถามด้วยเสียงตกตะลึง

“ฉันเจอร้านนั้นแล้ว”

เสียงเขาเปลี่ยนเป็นวิตกกังวลแล้วในตอนนี้

“ไรล์ลี่ นี่คุณบ้าไปแล้วรึเปล่า คุณกำลังทำอะไร ยังตามคดีนี้ต่ออยู่อีกงั้นเหรอ วาล์วเดอร์ ไล่ คุณออกแล้วนะ พระเจ้าไม่อยากจะเชื่อเลย”

“ฉันเคยรอให้ใครมาอนุญาตด้วยเหรอ ไม่รู้ล่ะ ยังไงซะดูเหมือนว่าฉันจะได้กลับไปประจำการต่อนะ”

บิลสำลักลมหายใจด้วยความไม่เชื่อ

“ใครบอก”

“นิวโบร”

“คุณพูดเรื่องอะไรเนี่ย” บิลชักเสียงถาม เริ่มไม่สบอารมณ์และหงุดหงิดมากขึ้น “พระเจ้า ไรล์ลี่ คุณไม่ได้ไปบ้านเขามาอีกใช่มั้ย”

สมองของเธอเริ่มตีกัน มีหลายอย่างมากเกินไปที่ต้องอธิบาย เธอต้องดึงสติกลับมาเรื่องเดิมก่อน

“เปล่า แต่เขาเปลี่ยนไปแล้วนะรอบนี้” เธอบอก “มันแปลกมากแล้วฉันก็ไม่มีเวลาอธิบายตอนนี้ แต่นิวโบรให้ข้อมูลใหม่กับฉันมานะบิล รีบ้า ฟราย ซื้อตุ๊กตาที่ร้านในเชลลี่ฟอร์ด ฉันมีหลักฐาน แล้วฉันก็มีชื่อร้านด้วย”

“ไม่จริงอ่ะ” บิลตอบ “พวกเราให้เจ้าหน้าที่ออกลาดตระเวนไปทั่วทุกพื้นที่ พวกเขาไปมาหมดทุกร้านแล้ว ผมไม่คิดว่าจะมีใครเจอร้านขายตุ๊กตาในเชลลี่ฟอร์ดนะ”

ไรล์ลี่เริ่มรู้สึกจะเก็บความตื่นเต้นของตัวเองไว้ไม่อยู่แล้ว

“นั่นเป็นเพราะว่ามันไม่มีน่ะสิ” เธอบอก “มันเป็นร้านขายเสื้อผ้าที่ขายตุ๊กตาด้วย แต่คุณจะดูสินค้าได้ด้วยการนัดล่วงหน้าเท่านั้น ร้านชื่อ แมเดอลีนส์ แฟชั่นส์ คุณอยู่ที่ศูนย์วิเคราะห์รึเปล่าตอนนี้?

“อยู่ แต่ – ”

“ถ้างั้นก็ให้ใครช่วยตรวจสอบข้อมูลหน่อย ข้อมูลอะไรก็ได้ที่หาได้เกี่ยวกับทุกคนที่เคยทำงานที่นั่น ฉันกำลังจะไปที่นั่นเดี๋ยวนี้”

เขาตะโกนออกมาเสียงดังอย่างลุกลี้ลุกลน

“ไรล์ลี่ อย่านะ คุณไม่มีอำนาจกระทำการ คุณไม่มีแม้แต่ตราประจำตัว แล้วถ้าเกิดคุณเจอฆาตกรแล้วจะยังไง เขามีแนวโน้มที่จะเป็นอันตราย แล้ววาล์วเดอร์ก็ยึดปืนคุณไว้อยู่”

“ฉันมีปืนของฉัน” ไรล์ลี่บอก

“แต่คุณก็กักตัวใครไว้ไม่ได้”

ด้วยเสียงคำรามอย่างมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยว ไรล์ลี่บอกเขาว่า “ฉันจะทำทุกอย่างที่ต้องทำ อาจมีอีกชีวิตนึงกำลังเป็นอันตราย”

“ผมไม่ชอบแบบนี้เลย” บิลพูดอย่างยอมแพ้แล้ว

ไรล์ลี่วางสายและเหยียบคันเร่งมิด

*

บิลนั่งอยู่ในออฟฟิศจ้องมองมือถือของตัวเองอย่างพูดไม่ออก เขาเพิ่งรู้สึกได้ว่ามือนั้นสั่นระริก ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร เพราะโกรธหรือเพราะทำอะไรไม่ได้ หรือเพราะกลัวแทนไรล์ลี่ กลัวว่าเธอกำลังจะทำอะไรโดยไม่ยั้งคิด

ที่เธอเมาแล้วโทรมาหาเขาเมื่อสองวันก่อนยังทำให้เขาทั้งสับสนและว้าวุ่นใจอยู่เลย มันเหมือนละครน้ำเน่าที่สองตำรวจคู่หูรู้สึกใกล้ชิดผูกพันกันมากกว่าคู่ชีวิตของตัวเอง ซึ่งบิลรู้ว่ามันเป็นเรื่องจริง ตั้งนานมาแล้วที่เขารู้สึกผูกพันกับไรล์ลี่มากกว่าเคยรู้สึกกับใครที่ผ่านเข้ามาในชีวิต

แต่งานของพวกเขามันไม่มีพื้นที่ว่างสำหรับความรัก ความซับซ้อนหรือลังเลในหน้าที่ของพวกเขาอาจหมายถึงชีวิต เขาขีดเส้นความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเธอให้อยู่เฉพาะในเรื่องงานมาโดยตลอดและเชื่อใจว่าไรล์ลี่จะทำแบบเดียวกัน แต่ตอนนี้เธอทำลายความเชื่อใจของเขาแตกละเอียดไปแล้ว

อย่างไรเสีย มันชัดเจนว่าเธอรู้ดีว่าทำอะไรผิดไป แต่เธอหมายความว่ายังไงที่บอกว่าจะได้กลับมาประจำการต่อ เราจะต้องทำงานด้วยกันอีกเหรอ เขาไม่แน่ใจว่าอยากให้เป็นเช่นนั้น ความสัมพันธ์อันดีและความเข้าอกเข้าใจที่ทั้งเขาและเธอมีให้กันมันจะถูกทำลายตลอดไปเลยงั้นหรือ

แต่เขาไม่สามารถจะมานั่งกังวลกับเรื่องพวกนี้ได้ในเวลานี้ ไรล์ลี่เพิ่งขอให้เขาช่วยตรวจสอบพนักงานที่เคยทำงานในร้าน เขาบอกให้คนไปจัดการแล้ว แต่ไม่ได้บอก คาร์ล วาล์วเดอร์ บิลหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโอนสายไปหาเจ้าหน้าที่พิเศษ เบรนท์ เมอเรดิธ เมอเรดิธไม่มีอำนาจสั่งการคดีนี้โดยตรง แต่บิลก็รู้ว่าจะสามารถพึ่งพาเขาในเรื่องนี้ได้

เขาตั้งใจจะคุยสั้นๆตรงประเด็น เพราะเขาต้องขับรถไปเชลลี่ฟอร์ดเดี๋ยวนี้และหวังเพียงว่าเขาจะไปถึงทันเวลาก่อน ไรล์ลี่ เพจ จะทำอะไรโง่ๆ

อย่างเช่น หาเรื่องโดนเก็บ

บทที่ 32

หัวใจเธอเต้นตึกตักอย่างลุ้นๆขณะที่ขับรถเข้ามาจอดในเมืองเล็กๆของเชลลี่ฟอร์ด ร้าน แมเดอลีนส์ แฟชั่นส์ นั้นหาไม่ยากเลย มันตั้งโดดเด่นอยู่บนถนนสายหลักมีชื่อร้านติดคาดไว้กลางหน้าต่างหน้าร้าน เมืองเชลลี่ฟอร์ดนั้นดูมีระดับกว่าที่เธอคิดไว้ อาคารทางประวัติศาสตร์ได้รับการซ่อมแซ่มคงสภาพไว้อย่างดี และถนนสายหลักก็ดูสวยสง่า ร้านขายเสื้อผ้าทันสมัยนั้นดูลงตัวเหมาะเจาะดีกับสิ่งแวดล้อมรอบตัวที่ดูมั่งคั่ง

ไรล์ลี่จอดรถตรงทางเลียบถนนด้านหน้าร้าน เดินออกจากรถ และดื่มด่ำกับสิ่งแวดล้อมรอบๆ เธอสังเกตเห็นทันทีว่าหุ่นจำลองเสื้อผ้าในตู้กระจกของหน้าร้านหนึ่งนั้นถือตุ๊กตาอยู่ในมือด้วย – ตุ๊กตาเจ้าหญิงในชุดเดรสสีชมพู สวมมงกุฎระยิบระยับ เจ้าหน้าที่ที่มาลาดตระเวนเมืองนี้นั้นอาจจะเห็นว่านี่เป็นเพียงแค่การตกแต่งร้านเท่านั้นก็เป็นได้ มีเพียงป้ายเล็กๆในกระจกเท่านั้นที่บอกตรงกันข้าม “ของเล่นสะสมดูได้ต้องนัดล่วงหน้า”

เสียงกริ่งบนประตูส่งเสียงกรุ๊งกริ๊งขณะที่ไรล์ลี่เปิดเดินเข้าไปภายใน ผู้หญิงคนหนึ่งที่หน้าเค้าน์เตอร์เหลือบตามองมาทางเธอ หญิงสาวในวัยกลางคนแต่ดูอ่อนกว่าวัยอย่างเหลือเชื่อ แม้บนศีรษะจะเผยให้เห็นผมขาวเต็มพื้นที่แต่ก็ดูสุขภาพดี

ไรล์ลี่ช่างน้ำหนักทางเลือกที่มีในสมอง เมื่อไม่มีตราประจำตัว เธอก็ต้องระวังตัวเป็นพิเศษ จริงอยู่ที่ร้านอื่นยอมให้เธอสอบถามข้อมูลโดยไม่ขอดูตราประจำตัว แต่เธอไม่อยากให้หญิงกลางคนผู้นี้ตื่นตัวและตัวเธอเองกลายเป็นจุดสนใจโดยไม่จำเป็น

“ขอโทษนะคะ” ไรล์ลี่ทักขึ้น “คุณคือแมเดอลีนรึเปล่าคะ”

เธอยิ้มตอบ “จริงๆแล้วฉันชื่อ มิลดริด ค่ะ แต่ฉันชอบใช้ชื่อ แมเดอลีน มากกว่า พอกลายเป็นชื่อร้านแล้วมันฟังดูดีน่ะค่ะ ชื่อ

‘มิลดริดส์ แฟชั่นส์’ มันฟังยังไงก็ติดหูไม่เท่า” เธอหัวเราะเล็กน้อยและขยิบตาให้ “ฟังแล้วมันคงไม่ดึงดูดกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของฉันสักเท่าไหร่”

กำลังไปได้สวยเลย ไรล์ลี่นึกในใจ ผู้หญิงคนนี้คุยเก่งและเป็นกันเอง

“ร้านสวยดีนะคะ” ไรล์ลี่ชม มองไปรอบร้าน “ดูเหมือนงานเยอะ ทำคนเดียวไหวเหรอคะ ไม่มีผู้ช่วยซักคนมาช่วยคุณเลยเหรอ คุณคงไม่ได้ทำทั้งหมดนี้คนเดียวหรอกใช่มั้ย”

เธอยักไหล่

“ส่วนมากฉันทำเองค่ะ” เธอตอบ “บางทีฉันก็จ้างเด็กวัยรุ่นสาวๆมาดูแลแคชเชียร์ส่วนฉันก็ดูแลลูกค้าในร้าน วันนี้ไม่ค่อยพลุกพล่าน ฉันก็เลยไม่ได้ให้เธอเข้ามาทำงาน”

ในสมองยังคงคิดหาวิธีที่เหมาะสม ไรล์ลี่เดินข้ามฟากไปยังราวแขวนเสื้อผ้า ใช้นิ้วกรีดกรายเลือกดูสินค้า

“แบบสวยๆทั้งนั้นเลย” ไรล์ลี่บอก “ไม่ค่อยเห็นร้านไหนมีเสื้อผ้าแบบนี้”

แมเดอลีนดูพอใจ

“ไม่หรอกค่ะ คุณไม่น่าจะหาเสื้อผ้าพวกนี้จากร้านอื่นได้” เธอตอบ “มันเป็นเสื้อผ้าแฟชั่นชั้นสูง แต่ฉันไปหาซื้อมาจากร้านขายส่งเวลาที่มันตกรุ่นแล้ว ถ้าตามมาตรฐานคนเมืองใหญ่ เสื้อผ้าพวกนี้ก็ถือว่าตกรุ่น เอ้าท์ไปแล้วน่ะค่ะ” เธอขยิบตาให้ไรล์ลี่ อมยิ้มพร้อมเสริมว่า “แต่ในเมืองเล็กอย่างเชลลี่ฟอร์ด – อืม เสื้อผ้าพวกนี้ก็ถือเป็นแฟชั่นอินเทรนด์เลยนะ”

แมเดอลีนดึงชุดเดรสสำหรับงานเลี้ยงสีม่วงลาเวนเดอร์ออกมาจากราวแขวน

“คุณน่าจะดูดีมากในชุดนี้” เธอเอ่ย “มันเพอร์เฟ็คสำหรับสีผิวคุณเลย – ฉันเดาว่าน่าเหมาะกับบุคลิกของคุณด้วย”

ไรล์ลี่ไม่คิดอย่างนั้น อันที่จริงเธอนึกภาพตัวเองใส่ชุดหรูหราในร้านนี้ไม่ออกเลยซักชุด ยังไงก็แล้วแต่ เธอว่าชุดนี้น่าจะเหมาะกับตอนเธอไปที่คันทรี่ย์คลับมากกว่าชุดที่เธอใส่อยู่ตอนนี้

“จริงๆแล้ว” ไรล์ลี่เริ่มพูด “ฉันอยากจะมาดูตุ๊กตาซักหน่อยน่ะค่ะ”

แมเดอลีนดูประหลาดใจนิดหน่อย

“คุณนัดไว้ล่วงหน้ารึเปล่าคะ” เธอถาม “ถ้าคุณนัดไว้ สงสัยว่าฉันต้องลืมไปแน่ๆเลย แล้วคุณทราบเกี่ยวกับของเล่นสะสมของเราจากที่ไหนคะ?

ไรล์ลี่ดึงใบเสร็จออกมาจากกระเป๋าถือแล้วส่งให้แมเดอลีนดู

“มีคนให้ฉันมาน่ะค่ะ” ไรล์ลี่บอก

“อ๋อ แนะนำมา” แมเดอลีนเอ่ย เห็นได้ชัดว่าพอใจ “ถ้างั้นฉันหยวนให้ก็ได้ค่ะ”

เธอเดินเข้าไปหลังร้านแล้วเปิดประตูบานพับออกกว้าง ไรล์ลี่เดินตามเธอเข้าไปในห้องเล็กด้านหลัง ชั้นวางเรียงรายไปด้วยตุ๊กตา กับชั้นวางบนพื้นด้านข้างที่เต็มไปด้วยเครื่องประดับตุ๊กตา

“ฉันเริ่มทำธุรกิจอดิเรกพวกนี้เมื่อไม่กี่ปีก่อนน่ะค่ะ” แมเดอลีนบอก “ฉันมีโอกาสได้ไปซื้อสต็อคสินค้าของบริษัทผู้ผลิตหนึ่งที่เลิกกิจการไป เจ้าของเป็นญาติกับฉันเอง ตอนที่พวกเขาเลิกกิจการฉันเลยได้ดีลพิเศษ ฉันยินดีที่จะส่งต่อของสะสมพวกนี้ให้กับลูกค้า”

แมเดอลีนหยิบตุ๊กตาขึ้นมาแล้วมองด้วยความภูมิใจ

“น่ารักนะ คุณว่ามั้ย” เธอถาม “พวกเด็กๆชอบมันมาก พ่อแม่ของพวกเด็กๆก็ชอบเหมือนกัน แล้วตุ๊กตาพวกนี้ไม่มีการผลิตใหม่แล้ว มันเลยกลายเป็นเหมือนของสะสมไปจริงๆถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ของโบราณ คุณดูเสื้อผ้าพวกนี้สิ ตุ๊กตาของฉันใส่ได้ทุกตัวเลยนะคะ”

ไรล์ลี่กวาดตามองไปทั่วชั้นวางตุ๊กตา ซึ่งดูเหมือนๆกันไปหมดแม้ว่าสีผมจะต่างกันบ้าง และเสื้อผ้าก็ต่างกันด้วย บางตัวก็ทันสมัย บางตัวใส่ชุดเจ้าหญิง บางตัวก็ใส่ชุดย้อนยุค ในโซนเครื่องประดับตุ๊กตาไรล์ลี่เห็นว่ามีเครื่องประดับที่แมทช์กับตุ๊กตาทุกสไตล์ ราคาตุ๊กตาต่อหนึ่งตัวก็หนึ่งร้อยเหรียญเป็นอย่างต่ำ

“หวังว่าคุณจะเข้าใจว่าทำไมฉันถึงไม่เปิดให้บริการในโซนนี้” แมเดอลีนอธิบาย “ลูกค้าส่วนมากที่เดินเข้าร้านมาไม่ได้อยากมาซื้อตุ๊กตา จะแอบบอกอะไรให้นะคะ” เธอลดเสียงลงเป็นเสียงกระซิบ “ของชิ้นเล็กๆพวกนี้มันขโมยง่าย ฉันก็เลยต้องระวังว่าให้ใครดูได้บ้าง”

เอามือจัดทรงกระโปรงตุ๊กตาแล้วเธอจึงถามขึ้นว่า “อ้อลืมถามไปเลย คุณชื่ออะไรคะ ฉันชอบรู้จักชื่อลูกค้าของฉันทุกคนน่ะคะ”

“ไรล์ลี่ เพจ ค่ะ”

แมเดอลีนหรี่ตาลงแล้วยิ้มอย่างอยากรู้

“แล้วใครเป็นคนแนะนำคุณมาคะ” เธอถาม

“รีบ้า ฟราย ค่ะ”

หน้าของเธอเผือดไปทันที

“ตายละ” เธออุทาน “ลูกสาววุฒิสมาชิก ฉันจำได้ตอนเธอมาที่ร้าน แล้วฉันก็ได้ยินเรื่อง…” เธอเงียบไปสักพัก “แย่ละ” เธอเสริม ส่ายหน้าอย่างเศร้าๆ

แล้วจึงหันมามองไรล์ลี่อย่างเหนื่อยใจ

“อย่าบอกนะว่าคุณเป็นนักข่าว” เธอถาม “ถ้าใช่ ฉันคงต้องขอให้คุณกลับไป ชื่อของร้านมันจะเสียหายมาก”

“ไม่ใช่ค่ะ ฉันเป็นเจ้าหน้าที่เอฟบีไอ” เธอตอบ “แล้วความจริงก็คือ ฉันมาที่นี่เพื่อสืบคดีฆาตกรรมของ รีบ้า ฟราย ฉันได้พบกับคุณพ่อของเธอ ท่านวุฒิสมาชิกนิวโบร เมื่อไม่นานมานี้ ท่านมอบใบเสร็จนี้มาให้ นั่นคือสาเหตุว่าทำไมฉันถึงมาที่นี่”

แมเดอลีนยิ่งได้ฟังยิ่งรู้สึกอึดอัดมากขึ้น

“ขอดูตราประจำตัวหน่อยได้มั้ยคะ” เธอถาม

ไรล์ลี่กลั้นหายใจ เธอต้องแถผ่านไปให้ได้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เธอคงต้องโกหกนิดหน่อย

“ฉันอยู่นอกเวลางานค่ะ” เธอโกหก “เราไม่พกตราประจำตัวนอกเวลางาน มันเป็นกฎ ฉันมาที่นี่ในเวลาส่วนตัวเฉยๆ อยากมาหาข้อมูลเพิ่มเติมเวลาว่างๆน่ะค่ะ”

แมเดอลีนพยักหน้าอย่างเห็นใจ เหมือนเธอจะเชื่อนะ – หรืออย่างน้อยก็ไม่ได้ดูไม่เชื่อที่ไรล์ลี่พูด ไรล์ลี่พยายามไม่ออกอาการโล่งอก

“จะให้ฉันช่วยอะไรคะ” แมเดอลีนถาม

“แค่เล่าเรื่องในวันนั้นให้ฟัง อะไรก็ได้ที่จำได้ค่ะ เช่น ใครมาทำงานบ้าง มีลูกค้าเข้าร้านกี่คน”

แมเดอลีนยื่นมือออกไป “ขอดูใบเสร็จหน่อยได้มั้ยคะ ฉันหมายถึงขอดูวันที่บนใบเสร็จ”

ไรล์ลี่ส่งใบเสร็จให้เธอ

“อ้อ ใช่แล้ว ฉันจำได้” แมเดอลีนบอกขณะที่ดูวันที่ “วันนั้นเป็นวันที่วุ่นวายสุดๆ หมายถึงอาทิตย์ก่อนนู้น”

ไรล์ลี่สนใจขึ้นมาทันที

“วุ่นวายเหรอคะ” ไรล์ลี่ถาม “วุ่นวายยังไง”

แมเดอลีนหน้านิ่วขณะที่นึกย้อนไปวันนั้น

“มีนักสะสมคนนึงเข้ามาในร้าน” เธอเล่า “เขาซื้อตุ๊กตาไปทีเดียวยี่สิบตัว ฉันก็แปลกใจว่าเขาเอาเงินมาจากไหนมากมายเพราะไม่ได้ดูเหมือนจะมีฐานะ เขาเป็นชายอายุเยอะหน้าตาอมทุกข์ ฉันลดราคาพิเศษให้เขา เรื่องมันวุ่นก็ตรงที่ฉันกับลูกน้องเอาสินค้ามาคิดเงิน เราไม่ได้ขายได้ทีเดียวมากมายขนาดนี้บ่อย มันก็เลยโกลาหลกันนิดหน่อยตอนนั้น”

ไรล์ลี่ประมวลเรื่องราวในสมอง ต่อจิ๊กซอว์ข้อมูลเข้าด้วยกัน

“รีบ้า ฟราย เข้ามาในร้านในช่วงเดียวกันกับนักสะสมคนนั้นรึเปล่าคะ” เธอถาม

แมเดอลีนพยักหน้า “ใช่ค่ะ ทำไมเหรอคะ” เธอถาม “พอคุณพูดขึ้นมา ฉันก็นึกได้ เธออยู่ที่นี่ค่ะ”

“คุณมีเก็บบันทึกลูกค้าของร้านไว้บ้างมั้ยคะ” ไรล์ลี่ถาม “แบบที่มีที่อยู่หรือเบอร์ติดต่อ”

“มีค่ะ” แมเดอลีนตอบ

“ฉันต้องการขอดูที่อยู่และเบอร์ติดต่อของผู้ชายคนนั้น” ไรล์ลี่เอ่ย “มันสำคัญมาก”

หน้าของแมเดอลีนบ่งบอกถึงความเหนื่อยใจหนัก

“คุณบอกว่าท่านวุฒิสมาชิกเป็นคนมอบใบเสร็จนี้ให้กับคุณใช่มั้ยคะ” เธอถามย้ำ

“ถ้าไม่งั้นฉันจะได้มันมายังไงคะ” ไรล์ลี่ถามกลับ

แมเดอลีนพยักหน้า “ฉันแน่ใจค่ะว่าคุณพูดเรื่องจริง แต่ว่า…”

เธอหยุดคิด ตัดสินใจอยู่หลายตลบ

“ถ้างั้น ฉันต้องขอโทษด้วยค่ะ” เธอโพล่งขึ้น “แต่ฉันคงทำแบบนั้นไม่ได้—ฉันหมายถึงให้คุณดูบันทึกไม่ได้ค่ะ คุณไม่มีแม้แต่ตราประจำตัว แล้วลูกค้าของร้านก็ต้องได้รับการปกป้องความเป็นส่วนตัว ไม่สิ จริงๆแล้ว จะเป็นวุฒิสมาชิกหรือไม่ ฉันก็คงให้คุณดูบันทึกไม่ได้หากไม่มีหมายค้น ฉันต้องขอโทษด้วย มันแค่ดูแล้วไม่ค่อยถูกต้องสำหรับฉัน หวังว่าคุณคงเข้าใจ”

 

ไรล์ลี่สูดหายใจเข้าปอดลึกขณะที่เธอพยายามจะประเมินสถานการณ์ เธอไม่สงสัยเลยว่าบิลจะต้องมาที่นี่อย่างเร็วที่สุดแน่ แต่มันจะเร็วได้แค่ไหนกันล่ะ? แล้วเธอผู้นี้ยังจะขอดูหมายค้นอยู่รึเปล่า? มันต้องใช้เวลาอีกเท่าไหร่ในการทำเรื่องขอหมาย? เท่าที่เธอรู้ ชีวิตคนๆหนึ่งมันอาจกำลังแขวนอยู่บนเส้นด้าย ณ นาทีนี้

“ฉันเข้าใจค่ะ” ไรล์ลี่ตอบ “จะเป็นอะไรมั้ย หากฉันจะขอเดินสำรวจรอบๆ ฉันอาจจะเจอหลักฐานอะไร”

แมเดอลีนพยักหน้า “เชิญค่ะ” เธอบอก “เชิญตามสบายเลย”

ไรล์ลี่นึกหาวิธีหักเหความสนใจ เธอเดินสำรวจไปรอบๆตุ๊กตาขณะที่แมเดอลีนจัดการปัดฝุ่นเครื่องประดับ ไรล์ลี่เอื้อมมือไปบนชั้นวางสูงเหมือนกำลังพยายามคว้าตุ๊กตา แต่แล้วเธอก็จัดการปัดตุ๊กตาทั้งชั้นหล่นลงมาจากเชลฟ์ได้สำเร็จ

“อุ๊ย!” ไรล์ลี่แกล้งอุทาน “ขอโทษค่ะ.

เธอถอยหลังไปด้วยท่าทางเก้ๆกังๆที่เธอพยายามให้มันดูธรรมชาติสุดชีวิต เธอสะดุดเอากับชั้นวางเครื่องประดับแล้วปัดมันกระจัดกระจายลงมาอีกทีหนึ่ง

“อุ๊ย ฉันขอโทษจริงๆค่ะ!” ไรล์ลี่แกล้งอุทานอีกรอบ

“ไม่เป็นไรค่ะ” แมเดอลีนพูดด้วยเสียงเคืองๆ “ให้ฉัน – ให้ฉันจัดการเองเถอะค่ะ”

แมเดอลีนเริ่มก้มลงไปเก็บสินค้าที่กระจัดกระจายเต็มพื้น ไรล์ลี่รีบหลบออกไปนอกห้องแล้วเดินตรงไปที่เค้าน์เตอร์ด้านหน้า เหลือบมองให้แน่ใจว่าแมเดอลีนไม่ได้กำลังมองเธออยู่ ไรล์ลี่พุ่งเข้าไปหลังเค้าน์เตอร์ มองหาสมุดโน๊ตบนชั้นวางใต้เก๊ะเก็บเงินทันที

นิ้วเธอสั่นรัว ไรล์ลี่กรีดนิ้วปัดหน้าสมุดโน๊ตไปมา เธอหาวันที่วันนั้นเจอในเวลาสั้นๆ ชื่อและที่อยู่ของผู้ชายคนนั้น เธอไม่มีเวลาจดแล้ว จึงท่องจำไว้ในสมอง

เธอก้าวออกมาจากหลังเค้าน์เตอร์ขณะที่แมเดอลีนกลับออกมาจากห้องด้านหลังพอดี เธอดูจะเริ่มระแวงจริงๆแล้ว

“คุณควรจะกลับไปได้แล้วนะคะ” เธอบอก “ถ้าคุณมาพร้อมหมายค้น ฉันถึงจะให้ความช่วยเหลือได้ค่ะ ฉันก็อยากจะช่วยท่านวุฒิสมาชิกกับครอบครัวเท่าที่จะทำได้เหมือนกัน ฉันรู้สึกแย่กับสิ่งที่พวกเขาประสบอยู่ในเวลานี้ แต่ตอนนี้ – ฉันว่า คุณควรกลับไปก่อน”

ไรล์ลี่ดิ่งตรงไปที่ประตูหน้า

“ฉัน – ฉันเข้าใจค่ะ” เธอพูดตะกุกตะกัก “ฉันต้องขอโทษจากใจจริง”

เธอเร่งฝีเท้าไปที่รถและก้าวขึ้นรถอย่างรวดเร็ว หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วกดโทรหาบิล

“บิล ฉันได้ชื่อมาแล้ว!” เธอพูดเกือบจะเป็นตะโกนเมื่อเขารับสาย “เขาชื่อ เจอราลด์ คอสโกรฟ ฉันได้ที่อยู่เขามาด้วย”

จำให้แม่นๆนะ ไรล์ลี่ทวนที่อยู่ให้บิลฟัง

“อีกไม่กี่นาทีผมจะถึงแล้ว” บิลบอก “เดี๋ยวผมส่งชื่อกับที่อยู่ไปเช็คให้ ดูสิว่าจะมีข้อมูลอะไรโผล่ออกมาจากฐานข้อมูลที่องค์กรบ้าง รู้แล้วผมจะรีบโทรบอกคุณ”

บิลวางสายไป ไรล์ลี่อยู่ไม่เป็นสุข รออย่างหมดความอดทน เธอมองกลับไปที่ร้านและสังเกตเห็นว่าแมเดอลีนยืนอยู่ใกล้หน้าต่าง มองออกมาทางเธออย่างระแวง ไรล์ลี่ไม่โทษเธอหรอกที่รู้สึกไม่ไว้ใจแบบนี้ พฤติกรรมเมื่อครู่ของเธอมันยิ่งกว่าแปลกเสียอีก

โทรศัพท์เธอดังขึ้นและเธอรับสาย

“บิงโก” บิลอุทานมาตามสาย “มันมีประวัติเป็นผู้ต้องหากระทำผิดทางเพศ ที่อยู่ที่คุณให้มาอยู่ไม่ไกล คุณอาจจะอยู่ใกล้ที่นั่นมากกว่าผม”

“ฉันกำลังขับรถไปอยู่” ไรล์ลี่ตอบ เร่งเครื่องยนต์อย่างใจร้อน

“ให้ตายเหอะ ไรล์ลี่ อย่าเข้าไปที่นั่นคนเดียว!” เขาคำรามกลับมา “รอผมอยู่ข้างนอก ผมจะรีบไปถึงให้เร็วที่สุด ได้ยินที่พูดมั้ย”

ไรล์ลี่วางสายและขับห่างออกไป ไม่ล่ะ เธอรอไม่ไหวแล้ว

*

เพียงไม่ถึงสิบห้านาทีถัดมา ไรล์ลี่ขับรถเข้ามาจอดบนที่ดินโดดเดี่ยวและฝุ่นตลบ บ้านเคลื่อนที่โกโรโกโสหลังหนึ่งตั้งอยู่ใจกลางที่ดินผืนนั้น เธอจอดและลงจากรถ

มีรถเก่าคร่ำครึจอดอยู่บนถนนด้านหน้าพื้นที่ แต่ไรล์ลี่มองไม่เห็นว่าจะมีรถกระบะอย่างที่พยานอธิบายหลังเกิดเหตุลักพาตัว ซินดี้ แมคคินน่อน แน่นอน นายคอสโกรฟคนนี้ต้องจอดมันไว้ที่ไหนซักแห่ง หรืออาจจะทิ้งรถไปแล้วเพราะกลัวว่าจะถูกตามตัวได้

ไรล์ลี่ตัวสั่นระริกเมื่อเห็นบ้านแบบกระท่อมแฝดที่มีแผงแม่กุญแจเหล็กติดอยู่ที่ตรงด้านหลังของพื้นที่ดิน นั่นจะใช่ที่ที่มันจับเหยื่อมาขังไว้หรือเปล่า? หรือว่าข้างในมีเหยื่อกำลังถูกทรมานเพื่อเตรียมสังหารกันนะ?

เธอมองสำรวจรอบๆ จดจำทั่วบริเวณ พื้นที่ดินก็ไม่ได้ปลีกตัวแยกออกมาซะทีเดียว มีบ้านและบ้านเคลื่อนที่ประปรายอยู่ไม่ไกล ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ดูจะไม่มีใครอาศัยอยู่ใกล้พอที่จะได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือลอดออกมา

ไรล์ลี่ดึงปืนออกมาถือไว้และขยับเข้าใกล้เทรลเลอร์หลังนั้น มันถูกสร้างแบบลงโครงเหล็กถาวรและดูเหมือนจะอยู่แบบนั้นมานานหลายปีแล้ว เมื่อก่อนคงมีคนเคยปลูกพุ่มดอกไม้ตามริมรั้วรอบเทรลเลอร์เพื่อสร้างบรรยากาศให้เหมือนบ้านจริงๆ แต่ตอนนี้พุ่มก็ถูกทำลายลงไปด้วยวัชพืชหมดแล้ว

เท่าที่ดูมา สถานที่ก็ตรงตามภาพในความคิดของเธอ เธอรู้สึกแน่ใจว่ามาได้ถูกที่แล้ว

“แกเสร็จฉันล่ะ ไอ้สารเลว” เธอพึมพำในลำคอเบาๆ “แกไม่มีวันได้ทำร้ายใครอีกแน่”

เมื่อขยับเข้าไปถึงเทรลเลอร์ เธอทุบฝ่ามือลงบนประตูเหล็ก

“เจอราลด์ คอสโกรฟ!” เธอตะโกน “นี่เจ้าหน้าที่เอฟบีไอ คุณอยู่ในนั้นรึเปล่า”

ไม่มีเสียงตอบ ไรล์ลี่ขยับขึ้นไปยืนบนอิฐบล็อคและส่องเข้าไปดูทางหน้าต่างเล็ก สิ่งที่เธอเห็นข้างในทำให้เธอเย็บวาบไปทั้งสันหลัง

ทั่วบริเวณห้องเต็มไปด้วยตุ๊กตา เธอไม่เห็นสิ่งมีชีวิตใดๆ แค่ตุ๊กตาในทุกแบบทุกขนาด

ไรล์ลี่สั่นลูกบิดประตู มันล็อคอยู่ เธอทุบประตูอีก คราวนี้ได้ยินเสียงผู้ชายลอดออกมา

“ออกไป อย่ามายุ่งกับผม ผมไม่ได้ทำอะไรผิด”

เธอรู้สึกเหมือนได้ยินใครปีนป่ายอยู่ด้านใน ประตูเทรลเลอร์นั้นเป็นแบบเปิดจากด้านนอก ทำให้เธอพังเข้าไปไม่ได้ เธอยิงกระสุนไปที่แม่กุญแจและประตูก็เปิดออกทันที

ไรล์ลี่บุกเข้าไปในห้องหลัก เธอมึนไปชั่วขณะกับจำนวนและแบบของตุ๊กตา มันน่าจะต้องมีเป็นร้อยอยู่ในนี้ มีอยู่ทั่วไปหมด – บนชั้นวาง บนโต๊ะ และแม้แต่บนพื้น ใช้เวลาอึดใจหนึ่งเธอถึงสังเกตเห็นชายคนหนึ่งปะปนรวมอยู่ในนั้น หมอบอยู่ที่พื้นพิงกำแพงอยู่

“อย่ายิง” คอสโกรฟร้องขอชีวิต ยกมือขึ้นสองข้าง สั่นเทิ้มไปทั้งตัว “ผมไม่ได้ทำ อย่ายิงผม”

ไรล์ลี่พุ่งเข้าไปหาเขาพร้อมกับกระชากให้ยืนขึ้นมา เธอหมุนตัวคอสโกรฟพร้อมกับดึงมือหนึ่งมาไพล่หลัง เธอเก็บปืนคืนใส่ในปลอกและดึงกุญแจมือออกมา

“ส่งมือมาอีกข้าง” เธอสั่ง

สั่นไปตั้งแต่หัวจรดเท้า เขาทำตามอย่างว่าง่าย ไรล์ลี่รีบใส่กุญแจมือเขาไว้และนั่งลงบนเก้าอี้

คอสโกรฟดูอ่อนแอ น่าจะอายุราวๆหกสิบกว่าปี มีผมขาวบางๆบนศีรษะ สภาพดูน่าเวทนา นั่งอยู่พร้อมน้ำตาไหลนองอาบแก้ม แต่เธอไม่เสียเวลามาเวทนาเขาหรอก สภาพตุ๊กตารอบตัวก็เพียงพอแล้วที่จะบอกเธอว่าชายคนนี้มันวิปริตวิปลาสขนาดไหน

ก่อนเธอจะทันได้ถามอะไร เธอก็ได้ยินเสียงบิลแว่วมา

“พระเจ้า ไรล์ลี่ คุณพังประตูนี่เหรอเนี่ย”

ไรล์ลี่หันไปเห็นบิลกำลังเดินเข้ามาในเทรลเลอร์

“ก็มันไม่ยอมเปิด” ไรล์ลี่บอก

บิลส่งเสียงฮึ่มฮั่มในลำคอ “ผมว่าผมบอกแล้วนะว่าให้คุณรอข้างนอก” เขาว่า

“ฉันก็คิดว่าคุณรู้ซะอีกว่ายังไงฉันก็ไม่รอ” ไรล์ลี่ตอบ “ยังไงก็แล้วแต่ ฉันดีใจที่คุณมา หมอนี่น่าจะใช่คนของเรา”

คอสโกรฟปล่อยโฮ

“ผมไม่ได้ทำ! ไม่ใช่ผมซักหน่อย! ผมรับโทษในคุกไปแล้วไง! ผมทิ้งเรื่องพวกนั้นเป็นอดีตไปหมดแล้ว!”

ไรล์ลี่ถามบิล “ได้ความว่าไงบ้าง”

“เขารับโทษไปแล้วข้อหาพยายามลวนลามเด็ก ไม่มีอะไรหลังจากนั้น – จนถึงตอนนี้”

ฟังดูเข้าเค้าสำหรับไรล์ลี่ สัตว์ป่าตัวนี้น่าจะเปลี่ยนเป้าหมายไปหาผู้ใหญ่อย่างแน่นอน – อย่างโหดเหี้ยมขึ้นด้วย

“นั่นมันกี่ปีมาแล้ว” คอสโกรฟแย้ง “ผมก็ทำตัวดีแล้วตั้งแต่นั้น ผมกินยา ผมไม่มีความอยากแบบนั้นอีกแล้ว มันเป็นอดีตไปแล้ว คุณกำลังเข้าใจผิด”

บิลถามด้วยน้ำเสียงหยันๆ “งั้นคุณก็เป็นผู้บริสุทธิ์ล่ะสิ งั้นใช่มั้ย”

“ใช่ ไม่ว่าคุณจะคิดว่าผมไปทำผิดอะไร นั่นไม่ใช่ผม”

“แล้วตุ๊กตาพวกนี้มันอะไร” ไรล์ลี่ถาม

คอสโกรฟยิ้มอย่างเจ็บปวดทั้งน้ำตา

“มันไม่สวยเหรอ” เขาตอบ “ผมสะสมทีละตัว ทีละตัว เมื่อหลายอาทิตย์ก่อนผมโชคดีได้เจอร้านดีๆร้านนึงในเชลลี่ฟอร์ด มีตุ๊กตาเยอะแยะ ในชุดต่างๆกันด้วย ผมใช้เงินประกันสังคมทั้งหมดซื้อมันมา ซื้อมากเท่าที่งบผมซื้อได้”

บิลสั่นหัว “ให้ตาย ผมไม่อยากรู้หรอกว่าคุณเอามันมาทำอะไร” เขาแขยง

“ไม่ใช่อย่างที่คุณคิดนะ” คอสโกรฟป้องตัวเอง “พวกมันก็เหมือนครอบครัว เหมือนเพื่อนคนเดียวของผม ชีวิตผมก็มีแคนี้ ผมก็อยู่บ้านกับพวกมัน ทำอย่างกับผมมีเงินจะไปที่ไหนได้ พวกมันดีกับผม ไม่ตัดสินผม”

ไรล์ลี่ยังคงกังวล นี่เขาจับตัวใครไว้อยู่หรือเปล่าตอนนี้?

“ฉันอยากตรวจสอบบ้านคุณหน่อย” เธอบอกเขา

“เอาเลย” เขาท้า “มันไม่มีอะไรอยู่แล้ว มันไม่มีอะไรแอบซ่อน กุญแจก็อยู่ตรงนั้น”

เขาพยักเพยิดไปทางพวงกุญแจที่ห้อยอยู่ข้างประตูที่พัง ไรล์ลี่เดินข้ามไปคว้ามัน

“ฉันออกไปดูข้างนอกแป๊บนึง” เธอบอก

“ไม่ได้ ผมไปด้วย” บิลบอก

ก่อนออกไปใช้กุญแจมือของบิลล่ามคอสโกรฟไว้กับตู้เย็น ทั้งไรล์ลี่และบิลเดินออกไปสำรวจรอบๆเทรลเลอร์ด้วยกัน พวกเขาเดินมาเปิดแม่กุญแจเหล็กที่กระท่อมหลังแรกแล้วส่องดูด้านใน ไม่มีอะไรอยู่ในนั้นนอกจากอุปกรณ์ทำสวน

บิลเดินเข้าไปในกระท่อมแล้วสำรวจรอบๆ

“ไม่มีอะไรนี่” เขาเปรย “ไม่มีแม้แต่ร่องรอยคราบเลือด”

พวกเขาเดินข้ามไปที่กระท่อมอีกหลัง ปลดล็อคแล้วสำรวจภายใน นอกจากเครื่องตัดหญ้าสนิมเขรอะแล้ว ทั้งกระท่อมก็ว่างเปล่า

“มันต้องเคยซ่อนพวกเธอไว้ที่อื่น” บิลบอก

บิลกับไรล์ลี่เดินกลับไปที่เทรลเลอร์ คอสโกรฟยังนั่งอยู่ตรงนั้น จ้องอย่างใจสลายไปที่ตุ๊กตาครอบครัวของเขา ไรล์ลี่รู้สึกว่ามันช่างเป็นภาพที่รบกวนจิตใจ – ผู้ชายที่ไม่มีชีวิตเป็นของตัวเอง แล้วยิ่งไม่มีอนาคตด้วย

ยังไงก็แล้วแต่ เขาก็ยังคงดูเป็นปริศนาสำหรับเธอ จึงตัดสินใจสอบปากคำเขา

“คุณเจอราลด์ เมื่อเช้าวันพุธที่แล้วคุณอยู่ที่ไหน”

“อะไรนะ” คอสโกรฟตอบงงๆ “คุณหมายความว่ายังไง ผมไม่รู้ ผมจำวันพุธไม่ได้หรอก ที่นี่มั้ง ผมเดาว่างั้น ไม่งั้นผมจะไปอยู่ที่ไหนได้ล่ะ”

ไรล์ลี่จ้องเขาด้วยความสงสัยเท่าทวีคูณ